การใส่สายสวนปัสสาวะ เป็นการนำเอาสายสวนที่ปราศจากเชื้อใส่เข้าไปคาไว้ในกระเพาะปัสสาวะ หรือบางเคสก็อาจจะเป็นการใส่สายสวนเข้าไปผ่านทางท่อปัสสาวะก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยการที่จะต้องทำเช่นนี้ก็เพราะว่าต้องการที่จะระบายเอาปัสสาวะที่มีให้ออกมา เนื่องจากว่าผู้ป่วยไม่สามารถทำการขับปัสสาวะเองตามธรรมชาติได้ แน่นอนว่าเมื่อผู้ป่วยต้องใส่สายสวนก็จำเป็นที่จะต้องมีการดูแลผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะให้ดี และให้เป็นไปตามวิธีที่ถูกต้อง แต่นอกจากนั้นก็ยังมีข้อควรระวังที่ผู้ดูแลต้องรู้เอาไว้ด้วย ซึ่งสิ่งที่ควรระวังจะมีอะไรบ้างนั้น ในบทความนี้จะมาบอกกัน 

การดูแลผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะ กับเรื่องที่ควรระวัง มีอะไรบ้าง 

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า ในการดูแลผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะนั้น จะต้องทำให้ถูกวิธี แต่ทั้งนี้ก็จะมีเรื่องที่ต้องระวังอยู่ด้วย ซึ่งเรื่องที่ต้องระวังก็มีดังต่อไปนี้ 

– ผู้ดูแลจะต้องหลีกเลี่ยงเรื่องของการปลดข้อต่อระหว่างสายสวนกับถุงรองปัสสาวะ เนื่องจากว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อขึ้นมาได้ อีกทั้งจำเป็นมาก ๆ ที่จะต้องหมั่นตรวจสอบข้อต่อ เพื่อให้เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วซึมของปัสสาวะออกมา เพราะจะยิ่งเป็นการทำให้เพิ่มโอกาสที่ผู้ป่วยจะติดเชื้อในระบบทางเดินทางปัสสาวะได้อีกด้วย 

– เมื่อผู้ป่วยทำการเดิน หรือยืน สิ่งที่ต้องทำคือการทำให้ถุงรองรับปัสสาวะนั้นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเอวไปประมาณ 30 ซม. การทำเช่นนี้ก็เพื่อช่วยให้ลดการไหลย้อนกลับของปัสสาวะที่จะเข้าไปในสายสวนได้ดี 

– ผู้ดูแลจะต้องหมั่นเช็กถุงรองรับปัสสาวะ จะต้องไม่ปล่อยให้ถุงอยู่ติดกับพื้น เพราะเป็นสิ่งที่จะทำให้มีการปนเปื้อนของเชื้อโรคได้ง่ายมากขึ้น 

– ผู้ดูแลจะต้องคอยสังเกตด้วยว่า น้ำปัสสาวะที่ไหลออกมามีการซึมออกมาจากอวัยวะเพศหรือไม่ แล้วที่สายสวนมีการซึมของปัสสาวะออกมาด้วยหรือเปล่า รวมถึงที่ถุงปัสสาวะมีการรั่วซึมด้วยไหม หากเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นให้รีบทำการแก้ไขโดยทันที 

จากที่กล่าวมานี้ก็คงจะช่วยทำให้เข้าใจได้แล้วว่า ในการดูแลผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะนั้น มีเรื่องอะไรที่ผู้ดูแลต้องระมัดระวังบ้าง เนื่องจากว่าหลักสำคัญของการใส่สายสวนปัสสาวะนั้น ก็เพื่อเป็นการช่วยให้ระบายปัสสาวะของผู้ป่วยออกมา โดยหากว่าผู้ดูแลสามารถดูแลผู้ป่วยได้ดี ไม่เพียงแค่จะทำให้ปัสสาวะไหลได้ดี และสะดวกมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อตามมาด้วยนั่นเอง ทั้งนี้ถ้าพบความผิดปกติเกิดขึ้นกับผู้ป่วย ก็ให้รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อให้แพทย์สามารถรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที